• อริสโตเติลเป็นทั้งนักปรัชญา และนักวิทยาศาสตร์ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเช่นเดียวกับครู เขา คือ
เพลโต และบรมครูโสกราตีส
ตำราทางตรรกศาสตร์ ชื่อ “Organon” (“instrument”) ตำรา ชื่อ “ฟิสิกส์ –Physics” ที่ผสมผสานรายละเอียดเกี่ยวกับธรรมชาติ พืช สัตว์ ดาราศาสตร์ โดยเขาเรียกว่า “ปฐมปรัชญา-Prote philosophia-the First Philosophy” ต่อมาเขียนตำราชื่อ “เมตาฟิสิกส์-the Metaphysics” ซึ่งเป็นหลักความรู้เกี่ยวกับโลกและจักรวาล เขาได้เขียนหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ตั้งชื่อตามชื่อของบุตรชาย นาม นิโคมาคัส (Nicomachus) เป็นหนังสือด้านจริยศาสตร์ ชื่อ “จริยศาสตร์นิโคมาชีน-the Nicomachean Ethics” และตำราเล่มเด่นอีกเล่ม 3 เล่ม คือ หนังสือชื่อ “วาทศาสตร์-the Rhetoric” หนังสือชื่อ “กวีนิพนธ์-the Poetics” และ “รัฐศาสตร์-the Politics” เพลโต และบรมครูโสกราตีส
เทคนิคการสร้างหลักปรัชญาของอริสโตเติล ใช้พื้นฐานของหลักชีววิทยา ในขณะที่เพลโต ใช้รากฐานทางคณิตศาสตร์ อริสโตเติล ศึกษาสิ่งแต่ละสิ่งที่มาก่อตัวรวมเป็นกลุ่มสายพันธุ์เดียวกัน มองดูความเจริญเติบโตในแต่ละช่วง มีการเฝ้าสังเกตการณ์ นับได้ว่า ในแนวทางปรัชญาของอริสโตเติลแล้ว ปรัชญากับวิทยาศาสตร์ ได้รับการนำมาบูรณาการเป็นวิธีการแสวงหาความรู้ใหม่ โดยเริ่มต้นจากการสังเกตการณ์ เก็บข้อมูล ซึ่งเป็นวิธีประจักษ์นิยม (empiricism) จากนั้นจึงสร้างคำอธิบายความรู้ด้วยเทคนิคการใช้เหตุผลนิรนัย (rational deduction) หลักแนวคิดว่าด้วยปัจจยการ (the notion of causality) ที่แสวงหาคำตอบว่า โลกและจักรวาลที่ดำเนินอยู่ มีอะไรเป็นปฐมเหตุ จึงนำไปสู่ผลต่างๆ สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
จาก วารีญา ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม,(2547), “ปรัชญาขั้นแนะนำ: กระแสคิดที่ทรงอิทธิพลต่อโลก,หนังสือชุดนักคิดสะท้านโลกันต์.1”,กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ชีวาภิวัฒน์.ISBN 974-92157-3-7, บทที่ 3 ปรัชญากรีก,หน้า 100 ถึง 140.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น