วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ปรัชญาของอริสโตเติล (Aristotle: 384-322 BC.)

อริสโตเติลเป็นทั้งนักปรัชญา และนักวิทยาศาสตร์ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเช่นเดียวกับครู เขา คือ 


เพลโต  และบรมครูโสกราตีส

ตำราทางตรรกศาสตร์ ชื่อ Organon” (“instrument”)  ตำรา ชื่อ ฟิสิกส์ Physics” ที่ผสมผสานรายละเอียดเกี่ยวกับธรรมชาติ พืช สัตว์ ดาราศาสตร์ โดยเขาเรียกว่า ปฐมปรัชญา-Prote philosophia-the First Philosophy”  ต่อมาเขียนตำราชื่อ เมตาฟิสิกส์-the Metaphysics”  ซึ่งเป็นหลักความรู้เกี่ยวกับโลกและจักรวาล เขาได้เขียนหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ตั้งชื่อตามชื่อของบุตรชาย นาม นิโคมาคัส (Nicomachus) เป็นหนังสือด้านจริยศาสตร์ ชื่อ     “จริยศาสตร์นิโคมาชีน-the Nicomachean Ethics”  และตำราเล่มเด่นอีกเล่ม 3 เล่ม  คือ หนังสือชื่อ วาทศาสตร์-the Rhetoric”  หนังสือชื่อ กวีนิพนธ์-the Poetics”   และ รัฐศาสตร์-the Politics”
 เทคนิคการสร้างหลักปรัชญาของอริสโตเติล    ใช้พื้นฐานของหลักชีววิทยา ในขณะที่เพลโต ใช้รากฐานทางคณิตศาสตร์ อริสโตเติล ศึกษาสิ่งแต่ละสิ่งที่มาก่อตัวรวมเป็นกลุ่มสายพันธุ์เดียวกัน มองดูความเจริญเติบโตในแต่ละช่วง มีการเฝ้าสังเกตการณ์ นับได้ว่า ในแนวทางปรัชญาของอริสโตเติลแล้ว ปรัชญากับวิทยาศาสตร์  ได้รับการนำมาบูรณาการเป็นวิธีการแสวงหาความรู้ใหม่  โดยเริ่มต้นจากการสังเกตการณ์ เก็บข้อมูล ซึ่งเป็นวิธีประจักษ์นิยม (empiricism)  จากนั้นจึงสร้างคำอธิบายความรู้ด้วยเทคนิคการใช้เหตุผลนิรนัย (rational deduction) หลักแนวคิดว่าด้วยปัจจยการ  (the notion of causality)  ที่แสวงหาคำตอบว่า โลกและจักรวาลที่ดำเนินอยู่ มีอะไรเป็นปฐมเหตุ  จึงนำไปสู่ผลต่างๆ สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
จาก วารีญา ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม,(2547), “ปรัชญาขั้นแนะนำ: กระแสคิดที่ทรงอิทธิพลต่อโลก,หนังสือชุดนักคิดสะท้านโลกันต์.1”,กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ชีวาภิวัฒน์.ISBN  974-92157-3-7, บทที่ 3 ปรัชญากรีก,หน้า 100 ถึง 140.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น